ความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ดีรึปล่าว?

คุณรู้สึกอย่างไรกับความทะเยอทะยาน?

เวลามีบอกว่าคนนั้นทะเยอทะยานจัง หรือคนนี้ไม่มีความทะเยอทะยานเลย คุณรู้สึกอย่างไรกับสองคนนี้

ส่วนตัว ผมเคยสับสนอยู่พักใหญ่ เพราะมุมนึงก็คิดว่าความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ดี เป็นพลังให้เราทุ่มเททำให้สิ่งที่อยากได้

แต่อีกมุมนึงก็คิดว่าความทะเยอทะยานเป็นสิ่งที่ไม่ดี ทำให้เราโลภ เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักพอ กระสับกระส่ายมองหาวิธีให้ได้มาโดยไม่สนว่าต้องเหยียบคนอื่นขึ้นไป (รึปล่าว?)

ต้องบอกว่าสองความคิดนี้ตีกันในหัวอยู่นานมาก ชักคะเย่อไปมา ไม่รู้ว่าตกลงเราควรจะทะเยอทะยานดีมั้ย?

จนกระทั่งผมอ่านเจอมุมมองต่อเรื่องความทะเยอทะยานที่น่าคิด

ทำไมถึงไม่ควรส่ง e-mail งานตอนดึกๆ

Man concentrating on his laptop at night

 

การทำงานแข่งกับเวลาในทุกวันนี้ แทบเป็นไปไม่ได้สำหรับหลายคนที่ต้องหอบงานกลับมาทำต่อที่บ้านหลังเลิกงาน

ผมก็เป็นคนหนึ่งในนั้น ทั้งที่พยายามจะไม่ขนงานกลับบ้าน แต่หลายครั้งก็อดไม่ได้

หลายครั้งเวลาทำงาน ยุ่งกับการประชุม จนเวลาอ่านและตอบอีเมล คือ ตอนกลางคืน มีสมาธิเงียบๆที่บ้าน

เมื่อคืนก็เป็นอีกคืนที่เผลอตอบเมลไปเรื่อยๆ ถึงตีหนึ่งกว่าก่อนนอน

วันนี้ไปทำงาน หัวหน้าเรียกพบแต่เช้า #ผมนี่ยืนเลย

ไม่ได้เรียกไปชม ว่าขยัน ทุ่มเททำงานนะ แต่เรียกไปถามว่าทำไมส่งเมลดึกๆกดดันคนในทีม

ผมก็งงไปแป๊บนึง เพราะไม่เคยคิดในมุมนี้ คิดว่าเราตอบเมลในช่วงที่เราสะดวก คนรับอ่านตอนไหนก็ได้ ไมไ่ด้บังคับให้ตื่นมาตอบเมลทันทีตอนตี 3 ซะหน่อย

แต่พอมีเวลามานั่งคิดสิ่งที่หัวหน้าแนะอีกมุม จะว่าไปก็จริงนะ ว่าไม่ควรส่งเมลตอนกลางคืนดึกๆ อย่างน้อย 3 ข้อ

1. การทำงานและส่งเมลดึกๆส่งผลกับการทำงานในวันรุ่งขึ้นอย่างชัดเจน

การเอาพลังงานสำรอง ก๊อกสอง ก๊อกสามมาใช้ให้ทำงานนานขึ้น พักผ่อนไม่พอ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถ้ามีจุดสิ้นสุด ไม่ได้ทำจนเป็นปกติ เพราะทุกอย่างมีต้นทุนของมัน และต้นทุนนี้คือสุขภาพของเรา การทำงานได้นานอีก 3-4 ชั่วโมง ตอนกลางคืนและนอนไม่พอ จะส่งผลกับประสิทธิภาพของสมองและการทำงานในวันรุ่งขึ้น ซึ่งถ้าอายุมากขึ้นจะยิ่งเห็นผลของมันชัดเจน